ผลลัพท์การค้นหาสำหรับ “ธารน้ำแข็ง” – Why world hot : หยุด! ภาวะโลกร้อน https://www.whyworldhot.com เว็บไซต์เกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อน รวมทั้ง ปัญหาภาวะโลกร้อน และ วิธีในการแก้ไขปัญหา โลกร้อน Tue, 18 May 2010 13:34:04 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=4.8.24 ความจริงของ ภาวะโลกร้อน https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/ng-global-warming-fast-fact/ https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/ng-global-warming-fast-fact/#comments Sat, 09 Jun 2007 11:45:46 +0000 http://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/ng-global-warming-fast-fact/ ภาวะโลกร้อน หรือสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง กำลังบอกเราว่า ไม่มีสัญญาณว่าโลกจะเย็นขึ้นแต่อย่างใด

นี่คือความจริงที่ว่า ทำไมมันถึงเกิดขึ้น อะไรคือสาเหตุ และมีผลกระทบกับโลกนี้อย่างไร

ภาวะโลกร้อน กำลังเกิดขึ้น ?

ใช่แน่นอน โลกกำลังแสดงสัญญาณหลายอย่างว่า ภาวะอากาศ กำลังเปลี่ยนแปลง

  • อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.8 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี 1880 และส่วนมากเพิ่มขึ้นในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จากข้อมูลของสถาบันวิจัยอวกาศกอดดาร์ดส์แห่งนาซา
  • อัตราการเพิ่มของอุณหภูมิกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2 ทศวรรษในศตวรรษที่ 20 มีปีที่ร้อนที่สุด ในรอบ 400 ปี และเป็นไปได้ว่าที่สุดในรอบ 1000 ปี จากข้อมูลของ IPCC ระบุว่า ใน 12 ปีที่ผ่านมา มี 11 ปีเป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่ปี 1850
  • อาร์กติกได้รับผลกระทบมากที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยในอลาสกา แคนาดาตะวันตก และรัสเซียตะวันออก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานของ multinational Arctic Climate Impact Assessment ช่วงปี 2000-2004
  • น้ำแข็งในอาร์กติก กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และอาจไม่มีน้ำแข็งอีกเลย ในฤดูร้อน ปี 2040 หรือเร็วกว่า http://news.nationalgeographic.com/news/2006/12/061212-arctic-ice.html
    ชาวพื้นเมืองและหมีขั้วโลกก็กำลังเผชิญกับภัยนี้เช่นกัน
  • ธารน้ำแข็ง และหิมะบนภูเขา ได้ละลายอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นธารน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติมอนทาน่า ปัจจุบันเหลือเพียง 27 ธารน้ำแข็งจาก 150 เมื่อปี 1910
    http://news.nationalgeographic.com/news/2004/12/
    photogalleries/global_warming/
  • ปะการัง ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุณหภูมิน้ำ ได้ตายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 1998 ปะการังกว่า 70% ขาวซีดในบางพื้นที่ http://news.nationalgeographic.com/news/2006/05/warming-coral.html
  • ภาวะอากาศแปรปรวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น คลื่นความร้อนพายุ และการเกิดไฟป่า

มนุษย์เป็นตัวการหรือ ?

จากรายงานของ IPCC มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยรายงานนี้จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 2500 คนใน 130 ประเทศ ได้สรุปว่า มนุษย์เป็นตัวการของสาเหตุเกือบทั้งหมด ที่ทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน

  • การทำอุตสาหกรรม การตัดไม้ทำลายป่า และการปล่อยมลพิษอย่างมหาศาล ได้เพิ่มความเข้มข้นของไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนไว้ทั้งสิ้น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่าโลกร้อนเกิดได้อย่างไร ที่
    http://green.nationalgeographic.com/environment/global-warming/gw-overview-interactive.html)
  • มนุษย์กำลังเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ มากกว่าที่ต้นไม้และมหาสมุทรสามารถรับได้ http://news.nationalgeographic.com/news/2007/05/070517-carbon-oceans.html
  • ซึ่งก๊าซเหล่านี้จะอยู่ในบรรยากาศไปอีกนาน หมายความว่าการหยุดปล่อยก๊าซเหล่านี้ ไม่สามารถหยุดภาวะโลกร้อนได้ทันที http://news.nationalgeographic.com/news/2005/03/
    0317_050317_warming.html
  • ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนเกิดเป็นวัฎจักรสม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังโลก และเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในรอบเวลานับแสนปี แต่การเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแค่เป็นร้อยปี จึงมีผลการวิจัยที่หักล้างทฤษฎีดังกล่าวออกมา http://news.nationalgeographic.com/news/2006/09/060913-sunspots.html

อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ?

  • รายงานของ IPCC ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า ในอนาคต อาจเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำ และภัยพิบัติต่อสัตว์ป่า
  • ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นระหว่าง 7-23 นิ้ว ซึ่งระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 4 นิ้วก็จะเข้าท่วมเกาะ และพื้นที่จำนวนมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ผู้คนนับร้อยล้านที่อยู่ในระดับความสูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล อาจะต้องย้ายถิ่น โดยเฉพาะในสหรัฐ รัฐฟลอริดา และหลุยส์เซียนาก็เสี่ยงเช่นกัน http://news.nationalgeographic.com/news/2006/03/
    0323_060323_global_warming.html
  • ธารน้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำจืดได้
  • พายุที่รุนแรง ภาวะแห้งแล้ง คลื่นความร้อน ไฟป่า และภัยธรรมชาติต่างๆ จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติ ทะเลทรายจะขยายตัวทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารในบางพื้นที่
  • สัตว์นับล้านสปีชี่ส์ จะสูญพันธุ์ จากการไม่มีที่อยู่ ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลง และน้ำทะเลเป็นกรด http://news.nationalgeographic.com/news/2004/
    01/0107_040107_extinction.html
  • การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทร อาจเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้เกิดยุคน้ำแข็งย่อยๆ ในยุโรป และภาวะอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่ http://news.nationalgeographic.com/news/2005/
    11/1130_051130_ice_age.html
  • ในอนาคต เมื่อภาวะโลกร้อนอยู่ในขั้นที่ควบคุมไม่ได้ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Positive Feedback Effect ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ถูกเก็บ อยู่ในส่วนชั้นน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย (Permafrost) และ ใต้ทะเลออกมา หรือคาร์บอนที่ถูกน้ำแข็งกับเก็บไว้ ส่งผลให้ภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

จาก National Geographic Global Warming Fast Fact

http://news.nationalgeographic.com/news/2004/12/
1206_041206_global_warming.html

]]>
https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/ng-global-warming-fast-fact/feed/ 93
รายงานฉบับสอง “ไอพีซีซี” ระบุมนุษย์หลายพันล้านต้องเผชิญผล “ภาวะโลกร้อน” https://www.whyworldhot.com/global-warming/second-ipcc-report/ https://www.whyworldhot.com/global-warming/second-ipcc-report/#respond Sat, 21 Apr 2007 13:46:38 +0000 http://www.whyworldhot.com/global-warming/second-ipcc-report/ เอเอฟพี/เอเจนซี/บีบีซีนิวส์ ? “ไอพีซีซี” เปิดรายงาน โลกร้อน ฉบับที่สองระบุปัญหาภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อผู้คนนับพันล้านในทุกทวีปอย่างหนีไม่พ้น โดยผู้ที่ต้องแบกรับภาระหนักที่สุดคือบรรดาประเทศยากจน อีกทั้งยังอาจทำให้สิ่งมีชีวิตเกือบ 1 ใน 3 เสี่ยงสูญพันธุ์ถาวร แนะยืดอายุพีธีสารเกียวโตเพื่อบรรเทาปัญหา พร้อมเผยรายงานฉบับต่อไปเดือนหน้าในกรุงเทพฯ

คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ “ไอพีซีซี” (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ที่ตั้งขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงเปิดเผยรายงานการคาดการณ์ฉบับสำคัญ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบแล้วจากสมาชิกกว่า 100 ประเทศ ในวันที่ 6 เม.ย. หลังจากที่ถกเถียงกันมาราธอนอย่างดุเดือดจากผู้ร่วมประชุมนาน 24 ชั่วโมงเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรายงานดังกล่าว ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

ไอพีซีซีชี้ว่า ก๊าซเรือนกระจก จะส่งผลกระทบต่อระบบลมฟ้าอากาศของโลก ทำให้รูปแบบการเกิดฝนเปลี่ยนแปลง และยังทำให้พายุมีกำลังความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะจะเกิด ปัญหา ภัยแล้ง น้ำท่วม และแหล่งน้ำเหือดแห้ง
ภาพแผนที่โลก แสดงบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน
ภาพแผนที่โลก แสดงบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน (The New York Times)

ราเชนทรา ปาจาอุรี (Rajendra Pachauri) ประธานไอพีซีซีแถลงว่า กลุ่มคนยากจนจะเป็นผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงมากที่สุด และยังจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากผลกระทบของ ภาวะโลกร้อน ฉะนั้น ปัญหานี้จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระดับโลก

ผลกระทบสำคั้ญที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าวไอพีซีซี คาดการณ์ว่า สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มากถึง 30% จะตกอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ หากว่าอุณหภูมิทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1.5-2.5 องศาเซลเซียส, ประชาชนในทวีปแอฟริการาว 75-250 ล้านคนจะต้องเผชิญกับการขาดน้ำภายในปี 2020 และไม่เกินปีเดียวกันนี้พื้นที่การเกษตรในแอฟริกาที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก ผลผลิตจะลดลงถึง 50%

ส่วนประเทศทางตอนเหนือก็จะไม่มีธารน้ำแข็งและหิมะปกคลุมอีกต่อไป ส่งผลให้หลายๆ ประเทศที่อาศัยแหล่งน้ำจากธารน้ำแข็งละลายมีปริมาณน้ำลดลง และจะไม่มีทวีปไหนสามารถรอดพ้นจากผลกระทบของ ภาวะโลกร้อน ที่อาจเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าอุณหภูมิในทวีปนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม

?มีความเป็นไปได้เหลือเกินที่ทุกภูมิภาคจะต้องประสบกับปัญหาผลประโยชน์ต้องเสื่อมเสียลงไป หรือไม่ก็ต้นทุนต้องเพิ่มขึ้นมา จากการที่ระดับอุณหภูมิมีปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 2-3 องศาเมื่อเทียบกับในช่วงปี 1990? เป็นเนื้อหาตอนหนึ่งใน ?บทสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบาย? ในรายงานของไอพีซีซี คราวนี้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การประชุมตลอดช่วงสัปดาห์นี้ สมาชิกของไอพีซีซีได้มีการถกเถียงกันอย่างหนักถึงเนื้อหาในร่างบทสรุปนี้เอง อีกทั้งกำหนดการเผยแพร่บทสรุปดังกล่าวยังถูกเลื่อนออกไป หลังจากที่สหรัฐฯ จีน และซาอุดีอาระเบียพากันคัดค้านการใช้ถ้อยคำ ?รุนแรง? ในบทสรุป จนถึงขั้นตัวแทนคนหนึ่งออกมากล่าวหาว่า การประชุมที่ควรเป็นการหารือของบรรดานักวิทยาศาสตร์คราวนี้ กำลังถูกการเมืองแทรกแซง

บทสรุปดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของรายงานฉบับเต็มซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,400 หน้า ที่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า ผู้คนเป็นจำนวนหลายพันล้านคนจะต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำ และคนอีกกว่าหลายร้อยล้านคนจะต้องประสบกับภาวะหิวโหย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคที่มีแต่ชาติยากจน ซึ่งมีส่วนน้อยที่สุดในการก่อมลพิษจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลอันเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น

ผู้แทนที่เข้าประชุมหลายคนเผยว่า ด้วยการยืนกรานของสหรัฐฯ ร่างบทสรุปฉบับนี้จึงถูกตัดทอนย่อหน้าที่ระบุว่า อเมริกาเหนือ ?ได้รับการคาดหมายว่าจะประสบความเสียหายอย่างสาหัส ในด้านเศรษฐกิจของท้องถิ่น ตลอดจนความแตกสลายแห่งระบบนิเวศอันพอเพียงในตนเอง และความแตกสลายทางสังคมและวัฒนธรรม? นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีก จากการยืนกรานของซาอุดีอาระเบีย และจีน

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซึ่งเห็นดีเห็นงามกับการตัดข้อความ ?รุนแรง? จากบทสรุป กล่าวแก้ต่างว่าถึงอย่างไรข้อมูลทั้งหมดก็ยังคงอยู่ในรายงานตัวหลัก และมันยังคงเป็นสารที่ทรงพลังเข้มแข็งมาก

ทว่ารายงานฉบับนี้จะช่วยชี้แนะทางด้านนโยบายแก่รัฐบาลต่างๆ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการขยายเวลาของพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ของยูเอ็นที่ตั้งขึ้นเพื่อลดปริมาณการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศและกำลังจะหมดอายุลงในปี 2012

รายงานที่เผยแพร่ในคราวนี้ เป็นส่วนที่สองในการประเมินหลักฐานต่างๆ ว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของไอพีซีซีในปีนี้ ซึ่งเป็นการประเมินครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา

ในส่วนแรกของรายงานซึ่งเผยแพร่ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นั้น ไอพีซีซีบอกว่า อุณหภูมิของโลกได้เพิ่มขึ้น 0.74 องศาเซลเซียสแล้ว ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่เป็นฝีมือของมนุษย์ ส่วนรายงานฉบับที่สามที่มีเนื้อหาระบุถึงปริมาณ ก๊าซเรือนกระจก ที่เพิ่มขึ้น ความเข้มข้น และวิกฤติของอุณหภูมิ และตามด้วยรายงานฉบับสุดท้ายอันเป็นผลสรุปของการค้นพบและคาดการณ์ทุกอย่างจะเปิดเผยในเดือน พ.ย. เป็นการส่งท้ายปี

ทั้งนี้ คณะทำงานเพื่อพิจารณารายงานฉบับที่สามของไอพีซีซีนี้ มีกำหนดการประชุมระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 3 พ.ค. ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ และมีกำหนดจะเปิดเผยรายงานในวันที่ 4 พ.ค.ที่เดียวกัน

Credit : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000040515

หมายเหตุ รายงานฉบับนี้ เป็นฉบับเดียวกับใน http://www.whyworldhot.com/global-warming/un-report-on-global-warming/

]]>
https://www.whyworldhot.com/global-warming/second-ipcc-report/feed/ 0
ภาวะโลกร้อน ระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/global-warming-timebomb/ https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/global-warming-timebomb/#comments Sun, 15 Apr 2007 16:19:41 +0000 http://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/global-warming-timebomb/ ตัดต่อและเรียบเรียงจาก ?CARBON CREDIT โลกสีดำจาก พิธีสารเกียวโต? ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสาร a day weekly ฉบับที่ 043 ประจำวันที่ เขียนโดย กรรณิการ์ กิจติเวชกุล
เรียบเรียงโดย สิริลักษณ์ ศรีประสิทธิ์

?ระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้น ธารน้ำแข็งละลาย มหาสมุทรร้อนขึ้นระดับน้ำทะเลสูงขึ้น น้ำแข็งทะเลบางลง ชั้นดินเย็นแข็งคงตัวละลาย เกิดไฟป่าบ่อยขึ้น ทะเลสาบเล็กลง หิ้งน้ำแข็งพังทลาย ทะเลสาบจับตัวเป็นน้ำแข็งช้าลง แห้งแล้งยาวนาน ธารน้ำในเขตภูเขาเหือดแห้ง ปริมาณหยาดน้ำฟ้าเพิ่มขึ้น ฤดูหนาวไม่หนาวจัด ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วขึ้น ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงช้าลง ต้นไม้ออกดอกเร็วขึ้น ช่วงเวลาอพยพเปลี่ยนแปลง ถิ่นอาศัยเปลี่ยนไป นกทำรังเร็วขึ้น โรคภัยไข้เจ็บลุกลาม ปะการังฟอกขาว การทับถมของหิมะลดลง สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกหายไป พืชและสัตว์ต่างถิ่นรุกราน แนวชายฝั่งสึกกร่อน ป่าในเขตภูเขาสูงแห้งแล้ง อุณหภูมิในเขตละติจูดสูงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว?เกิดอะไรขึ้นกับโลกกันแน่?

นี่เพียงแค่บทเกริ่นนำของบทความไตรภาค ?มหันตภัยแห่งอนาคต: สัญญาณเตือนภัยจากปรากฏการณ์ โลกร้อน ?ในเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ชี้ให้เห็น ภาวะโลกร้อน ที่มีมนุษย์เป็นสาเหตุสำคัญ

และในขณะนี้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในธรณีกาล กลับใช้เวลาเพียงชั่วอายุคนเท่านั้นเอง

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์และนักสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก พยายามชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ผิดปกติ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนตระหนักในปัญหาที่ตัวเองมีส่วนร่วมก่อ โดยเฉพาะการบริโภคแบบ ?สุด สุด? ที่ทำให้ต้องขุดพลังงานฟอสซิลทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินขึ้นมาใช้ อันเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะเรือนกระจก และเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินแก้

ด้าน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับความเชื่อถือสูงมาก และหากไม่ถึงขั้นวิกฤต คงไม่ออกมาเตือนว่า สภาพอากาศของ พ.ศ. 2546 ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชียมีความเลวร้ายอย่างน่าตระหนก สภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีทั้งที่อุณหภูมิที่สูงสุดและต่ำสุด ปริมาณฝนมากที่สุด และเกิดพายุมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในหลาย ๆ ส่วนของโลก ซึ่งสอดคล้องกับการพยากรณ์เกี่ยวกับ ปัญหาโลกร้อน

เช่นเดียวกับรายงานลับที่เพนตากอนส่งถึงประธานาธิบดีบุช เมื่อต้นปี 2547 ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกในอีก 20 ปีนับจากนี้จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลกยิ่งกว่าภัยจากการก่อการร้าย จะคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านทั้งจากภัยธรรมชาติและสงครามเพื่อความอยู่รอด เมืองใหญ่ในยุโรปจะตกอยู่ในสภาวะอากาศแบบไซบีเรีย หลายเมืองสำคัญที่อยู่ริมฝั่งน้ำจะจมน้ำ เกิดความแห้งแล้งและอดอยาก จนนำไปสู่การจลาจลและสงครามในที่สุด

กระนั้น คำเตือนของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกทั้ง 2 ชิ้น ก็ไม่ได้ทำให้ผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย 2 ประเทศมหาอำนาจที่ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก คือรวมกันมากกว่า 1ใน4 ของโลกเปลี่ยนท่าที

พิธีสารเกียวโต: ความหวังครั้งใหม่?

ภายหลังการลงนามในอนุสัญญา ให้มีผลบังคับใช้ของพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nation Framework Convention on Climate Change, UNFCCC) หลังจากที่เจรจายาวนานกว่าค่อนทศวรรษ

ศรีสุวรรณ ควรขจร เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์การเจรจานับตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ระบุว่า ?ชาวโลกยังคาดหวังมันเกินฐานะที่เป็นจริง?

จากความมุ่งหวังอย่างยิ่งยวดที่จะให้ทุกประเทศต้องร่วมรับผิดชอบลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ แต่เป้าหมายกลับต่ำเตี้ยเพียงว่า ในช่วงที่หนึ่ง (ภายในปี 2555) กลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนมากปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาแต่ครั้งปฏิวัติอุตสาหกรรม จนถึงปัจจุบันนานนับศตวรรษ จะต้องเป็นผู้นำการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเพียง 5.2 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ตนปล่อยในปี 2533 ส่วนประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเริ่มปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่กี่ทศวรรษมานี้ ค่อยไปร่วมรับผิดชอบลดการปล่อยในช่วงที่สอง ซึ่งยังไม่รู้ว่าเมื่อไร

ทั้งที่ นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายมีข้อสรุปกันมาหลายปีก่อนการประชุมสุดยอดทางสิ่งแวดล้อม ได้ระบุว่า หากมนุษยชาติจะหลีกเลี่ยงหายนะภัยทางสิ่งแวดล้อมอันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจกให้ได้นั้น ปริมาณการปล่อยต้องลดลงถึง 70-80% ไม่ใช่เพียงแค่ 5-6 % และต้องดำเนินการโดยเร็ว คือภายใน 1 – 2 ปีนี้ ไม่ใช่ค่อย ๆ ลดในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

แต่หลายปีที่ผ่านมา ?ในการเจรจาต่อรองที่กลุ่มประเทศต่าง ๆ ต้องชิงไหวชิงพริบเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน โดยประเทศอุตสาหกรรมเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วยความเหนือกว่า (ประเทศกำลังพัฒนา) ในกระบวนการเจรจาต่อรอง บวกกับอิทธิพลของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมสูง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ที่เริ่มเข้ามาครอบงำกระบวนการของการประชุม?

ผลที่ได้คือ เนื้อหาในพิธีสารที่อ่อนปวกเปียก และมองประเด็นการสร้างภาระต่อบรรยากาศที่ไม่เท่าเทียมกันนี้ว่าเป็นเรื่องชอบธรรม เพราะเขา ?รวย? เขาจึงมี ?สิทธิ? ทำได้ นั่นคือ อนุญาตให้ใครจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไหร่ก็ได้ ตราบเท่าที่เขาสามารถไปซื้อ ?คาร์บอนเครดิต? ที่เกิดจากการดูดกลับคาร์บอนด้วยวิธีการบางอย่าง หรือที่ในพิธีสารเรียกว่า กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism: CDM) เช่น การปลูกต้นไม้ซึ่งอ้างว่าจะดูดคาร์บอนไดออกไซด์กลับไปเป็นเนื้อไม้หรือใบไม้ ดังนั้น โรงไฟฟ้าถ่านหินอยากจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ล้านตันต่อปีก็ปล่อยไป ตราบเท่าที่โรงไฟฟ้านั้นปลูกต้นไม้หลายพันต้น

วิธีการที่ว่านี้ไม่เพียง ?ไม่แก้ปัญหา? แต่ยังเพิ่ม ?ความอยุติธรรม? ด้วยการปล่อยให้ประเทศและคนที่ใช้พลังงานอย่างบ้าคลั่งลอยนวล โดยไม่ได้สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้บริโภคว่า เขาต้องลดการใช้พลังงาน หากต้องการเห็นโลกดีขึ้น เพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า แต่การปลูกต้นไม้นี้กลับนำไปสู่ปัญหาเรื่องการยื้อแย่งที่ดินและน้ำ โดยเฉพาะในประเทศซีกโลกใต้

ในเมื่อประเทศรวยอยาก ?ผลาญ? ต่อ ประเทศยากจนก็อยากได้เงินจากการขายคาร์บอนเครดิต สิ่งที่เราจะเห็นในไม่ช้าก็คือ รัฐบาลประเทศที่จ้องจะขายคาร์บอนเครดิตจะไล่คนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นออกจากแผ่นดินของตัวเอง ตัดป่าธรรมชาติเพื่อสร้างสวนป่าด้วยไม้ตัดต่อพันธุกรรม ระบบนิเวศถูกตัดตอนลดความซับซ้อน ความหลากหลายทางชีวภาพถูกทำลาย ฯลฯ

Carbon Trade Fair

?คาร์บอนกำลังจะเป็นสินค้าสุดฮอตในตลาดโลก และจะเป็นสินค้าที่มีตลาดใหญ่ที่สุดด้วย? นี่จึงไม่ใช่การวิเคราะห์ที่เกินเลยจากความเป็นจริง ผู้ที่ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมประชุมเกี่ยวเนื่องกับสาระของพิธีสารเกียวโตหลายครั้ง ต่างบรรยายความรู้สึกตรงกันว่า ไม่ใช่เวทีประชุมเพื่อแก้ปัญหา ภาวะโลกร้อน อีกต่อไปแล้ว แต่มันเป็นมหกรรมแสดงสินค้าที่เรียกว่า ?คาร์บอน? หรือ Carbon Trade Fair มากกว่า

กลุ่มเครือข่ายผู้สนับสนุนสิ่งเหล่านี้ต่างคุยว่า ด้วยโครงการปลูกป่าเพื่อ ?คาร์บอนเครดิต? จะเป็นการเพิ่มการลงทุนในชนบท ซึ่งสามารถช่วยลดความยากจนได้ ผู้อ่านลองไปดูกันเลยดีกว่าว่า ?การหากินกับอากาศ? ครั้งนี้ ใครได้ประโยชน์กันบ้าง

บรรษัทอุตสาหกรรม ซึ่งล้วนมีพฤติกรรมและการลงทุนผูกติดอยู่กับการทำเหมืองและการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิล พยายามขวางไม่ให้ตัวแทนสหรัฐผูกมัดตัวเองเข้ากับการลดการปล่อยแม้เพียงปริมาณน้อยนิด โดยในการเจรจาพิธีสารเกียวโต บรรดาบรรษัทเหล่านี้สั่งให้ตัวแทนสหรัฐและประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ยืนยันที่จะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน คือการยอมให้มีการแลกเปลี่ยนค้าขายสิทธิหรือเครดิตในการปล่อยได้ เพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะลดให้ได้ตามเป้าหมาย พวกเขาให้เหตุผลว่า อย่างน้อยนี่จะเป็นการถ่วงเวลาหรือหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำธุรกิจ

บริษัทผลิตไฟฟ้า มองการปลูกป่าว่า เป็นวิธีการราคาถูก และง่ายที่จะโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้บริโภคเห็นว่า พวกเขากำลังลดอยู่ คณะกรรมการผลิตไฟฟ้าของเนเธอร์แลนด์ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในการดำเนินโครงการปลูกป่าไม้ซุงในรัฐซาบาห์ของมาเลเซีย และการปลูกป่าสนและยูคาลิปตัสในเทือกเขาแอนดีสของเอกวาดอร์ โตเกียวอีเล็คตริคพาวเวอร์กำลังปลูกต้นไม้ในนิวเซาธ์เวลส์ ดีทรอยท์เอดิสันกำลังทำในอเมริกากลาง และซาสก์พาวเวอร์ของแคนาดากับแปซิฟิกพาวเวอร์ของออสเตรเลียก็กำลังทำอยู่ในประเทศของตัวเอง (อย่าไปถามว่าพวกนี้ได้ที่ดินในการปลูกป่ามาอย่างไร พวกเขาทำลายป่าธรรมชาติก่อนสร้างสวนป่าหรือไม่ และมีผลกระทบอะไรบ้าง)

บริษัทพลังงาน ขาใหญ่อีกราย พวกเขายืนยันที่จะผลาญพลังงานต่อไป โดยหวังไถ่บาปด้วยการปลูกป่าแทน บริษัทอเมริกันที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เซ็นสัญญามูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐกับคอสตาริกา ที่จะจ้างชาวนาให้ปลูกต้นไม้และดูแลเป็นเวลา 15-20 ปี อเมราดาแก๊สกำลังจะได้รับยี่ห้อ ?Climate Care? จากการปลูกป่าที่อูกันดา, ซันคอร์อีเนอร์จี (บริษัทขุดเจาะ กลั่นและขายน้ำมันของแคนาดา) วางแผนที่จะร่วมกับเซาเธิร์นแปซิฟิกปิโตรเลียมและเซ็นทรัลแปซิฟิกมิเนอรัลส์ในโครงการปลูกต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 180,000 ต้นในรัฐควีนส์แลนด์เพื่อ ?ชดเชย? กับคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะปล่อยออกมาในอนาคต

บริษัทรถยนต์ หวังได้ภาพลักษณ์สีเขียวโดยการปลูกต้นไม้ ในอังกฤษ ลูกค้าที่ซื้อรถมาสดารุ่นเดมิโอจะได้โบนัสพิเศษ คือบริษัทจะปลูกต้นไม้ 5 ต้นเพื่อ ?ชดเชย? ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะรถปล่อยออกมาในปีแรก ดังนั้นลูกค้ามีสตางค์ก็ไม่เพียงแต่มีส่วนในการขุดเจาะ กลั่นน้ำมัน ทำเหมืองโลหะกับช่วยปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการไล่รื้อที่ดินเพื่อใช้ในการปลูกป่าที่พวกเขาอาจไม่เคยได้เห็นอีกด้วย

บริษัทนายหน้าและธนาคาร คาดหวังที่จะได้ค่าคอมมิสชั่นจากการเป็นนายหน้าตามตลาดคาร์บอนที่จะเปิดในชิคาโก ลอนดอนกับซิดนีย์ องค์กรอย่างสหพันธ์กักเก็บคาร์บอนนานาชาติและอเมริกันฟอร์เรสท์ก็กำลังวางแผนการตลาดค้าคาร์บอนเครดิต ธนาคารอย่างยูเนียนแบงก์ของสวิตเซอร์แลนด์ก็กำลังรอปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการปลูกป่า

บรรดานักวิชาการเพื่ออุตสาหกรรม แนวโน้มต่าง ๆ เหล่านี้ได้เปิดโอกาสให้มีการตั้งสถาบัน สร้างงานและเกียรติยศให้กับมืออาชีพจำนวนมากมายที่อยากทำวิจัย รับรอง และบริหารโครงการปลูกป่า บริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ สามารถกอบโกยผลประโยชน์ในการตรวจสอบและรับรองโครงการเหล่านั้น

องค์กรโลกบาล วางแผนที่จะกอบโกยจากการค้าคาร์บอน โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างการเมืองที่มีอยู่ในมือ ยกตัวอย่าง ธนาคารโลกหวังประโยชน์ 2 ทางจากการสนับสนุนการพัฒนาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศกำลังพัฒนา แล้วก็คอย ?เก็บกวาด? ทีหลังจากโครงการปลูกป่า แล้วก็ยังใช้เงินทุนสนับสนุนจากบริษัทไฟฟ้ากับรัฐบาลยุโรปเหนือเพื่อพัฒนา ?กองทุนคาร์บอนต้นแบบ? (Clean Development Fund-CDF) ที่มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ ?ตลาดก๊าซเรือนกระจกของโลก? และมีโครงการต่าง ๆ สำหรับประเทศทางใต้อยู่เต็มมือ โดยวางแผนจะผลักดันให้มีธนาคารคาร์บอนหรือตลาดแลกเปลี่ยนคาร์บอนขึ้นมา อีกทั้งในเอกสารลับยังระบุว่า จะกินหัวคิว 5 เปอร์เซ็นต์ จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา

นักทำไม้อาชีพ เล็งผลเลิศจากการกลับมาบูมของการปลูกป่าคราวนี้ว่า เป็นหนทางที่จะยกระดับอาชีพที่อยู่ชายขอบและต่ำต้อยทางการเมืองของตนให้มีความสำคัญและรุ่งเรืองขึ้นมาได้ เช่น สมาคมป่าไม้อเมริกันก็เสนอทันทีว่า จะปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นเพื่อบรรเทาปัญหา ที่นอร์เวย์ บริษัทป่าไม้ทรีฟาร์มส์ได้ประกาศโครงการปลูกสนโตเร็วและยูคาลิปตัสบนเนื้อที่ 150 ตารางกิโลเมตรของทุ่งหญ้าในแทนซาเนีย บริษัทอ้างว่าภายในปี 2553 โครงการนี้จะเก็บคาร์บอนได้มากกว่าหนึ่งล้านตัน

นักวิจัยวิศวกรรมพันธุศาสตร์ ก็ยังคาดหวังที่จะมีลู่ทางการงานในตลาดปลูกป่าด้วย เพราะอุตสาหกรรมคาร์บอนที่กำลังโตอยากได้ต้นไม้ดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารลิกนินสูงเพื่อต้นไม้จะได้อยู่นานขึ้น (แต่อาจต้องตบตีกับอุตสาหกรรมกระดาษที่อยากได้ไม้ดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารลิกนินต่ำ)

นักวิชาการ จากสถาบันอย่างมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์กกับมหาวิทยาลัยฟลอริดาก็กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการหาวิธีรับรองและตรวจสอบการดูดซับคาร์บอน หรือแม้แต่นักวิชาการไทยด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า ?หากประเทศไทยรับโครงการ CDM แต่ละหน่วยงานจะต้องไปหาซื้อเซฟใหญ่มาเก็บเงินที่จะไหลมาเทมา?

เจ้าหน้าที่รัฐในประเทศซีกโลกเหนือ (อุตสาหกรรม) หลายประเทศก็พากันตามกระแสอย่างขมีขมัน อย่างรัฐบาลออสเตรเลียหวังว่าการตั้งตลาดต่อรองเรื่องใบอนุญาตการปล่อยกับคาร์บอนเครดิตจะกระตุ้นเศรษฐกิจ, รัฐมนตรีเกษตรของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ก็ตื่นเต้นกับ ?อุตสาหกรรมพลวัตใหม่? ซึ่งจะสร้างงานในพื้นที่ปลูกป่าใหม่ ๆ นับล้านเฮกตาร์ เงินบางส่วนจะมาจากบริษัทผลิตไฟฟ้าญี่ปุ่น

รัฐบาลประเทศทางใต้ หลายประเทศก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะแข็งขืนกระแสการปลูกป่าได้ อาร์เจนตินาก็คิดว่าจะได้เงินปีละ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการ ?ดูแลรักษาป่าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์? ซึ่งปลูกด้วยเงินลงทุนต่างชาติ 4 พันล้านเหรียญบนพื้นที่ 10 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า รัฐมนตรีประเทศแอฟริกันราว 26 คนได้เรียกร้องให้มีกองทุนพิเศษเพื่อเตรียมการงานบริหารจัดการ

เอ็นจีโอบางกลุ่ม ซึ่งตั้งตัวเองเป็นนายหน้าคาร์บอนและผู้เชี่ยวชาญการดูดซับคาร์บอน ก็หวังว่าจะได้การยอมรับจากผู้สนับสนุนหรือเพื่อนพ้องในรัฐบาลและธุรกิจว่าเป็น ผู้สนับสนุนแนวทาง ?ตลาดเสรี? ที่กำลังเป็นกระแสหลักในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่วนกองทุนปกป้องสภาพแวดล้อมกับพันธมิตรป่าฝนได้ร่วมกับ Forestry Research Institute ในการช่วยตรวจสอบบัญชีโครงการป่าคาร์บอนของซัน คอร์ปอเรชั่นในอเมริกากลางและที่อื่น ๆ

เอ้า…เอากันซะให้พอ

ภาวะโลกร้อน ภาวะสิ้นหวัง

ขณะที่คนบางกลุ่มกำลังหากินกับ ภาวะโลกร้อน อย่างขมีขมัน โลกไม่ได้อยู่เฉยให้พวกเขากอบโกย เพราะ ?ระเบิดเวลาทางนิเวศกำลังเดินต่อไป? จากหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษ รายงานว่า ได้ถึงภาวะนับถอยหลังเข้าสู่หายนะอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยโลกอาจเข้าสู่จุดที่ไม่สามารถกลับตัวได้ ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปี นี่ไม่ใช่คำทำนายของนอสตาดามุส แต่เป็นรายงาน ?การเผชิญความท้าทายของสภาพอากาศ? ผลงานร่วมของ 3 สถาบันคือ สถาบันเพื่อการวิจัยนโยบายสาธารณะของอังกฤษ ศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกา และสถาบันออสเตรเลีย รายงานระบุว่า จุดอันตรายจะส่งสัญญาณเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 2 องศาเซลเซียส เหนืออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 1750 ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

ขณะที่ในปัจจุบัน อุณหภูมิเฉลี่ยได้สูงขึ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว 0.8 องศา และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลที่จะเกิดตามมาจากการเพิ่มขึ้นต่าง ๆ เหล่านี้อาจรวมถึงความล้มเหลวทางการเกษตร ความแห้งแล้งครั้งใหญ่ ตลอดจนโรคระบาดชุกชุม ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และป่าไม้แห้งตาย ผนวกกับข่าวร้าย พืดน้ำแข็ง (ice sheet) ขนาดมหึมาในด้านตะวันตกของแอนตาร์กติก มีมวลน้ำแข็งถึง 3.2 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร ที่กำลังสูญเสียเสถียรภาพ ซึ่งหากละลายทั้งหมด จะยกระดับน้ำทะเลทั่วโลกให้สูงขึ้นอีก 16 ฟุต หรือ 4.8 เมตร และหากรวมกับน้ำแข็งที่กรีนแลนด์และขั้วโลกเหนือที่กำลังหลอมละลายอย่างรวดเร็ว จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอีก 20 ฟุต หรือ 5-6 เมตร รวมเหนือใต้แล้วอาจทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น 12 เมตร

ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางส่วนรวมทั้งนักรณรงค์ปัญหาภูมิอากาศ…สิ้นหวัง ซึ่ง ผศ.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยามหิดล ถอนหายใจเมื่อได้ยินคำถามว่า จาก ภาวะโลกร้อน ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ เราจะทำอย่างไรกันดี

?หากคุณมาถามคำถามนี้กับผมเมื่อ 10 ปีก่อน ผมอาจจะยังมีคำตอบให้ แต่ขณะนี้ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เราหลีกเลี่ยงหายนะเหล่านี้ไม่ได้ มันเกิดจากการใช้ชีวิตของเรานี่เอง.?
Credit :Localtalk2004.com

]]>
https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/global-warming-timebomb/feed/ 27
UN ได้ รายงาน โลกร้อน คนจนซวยสุด https://www.whyworldhot.com/global-warming/un-report-on-global-warming/ https://www.whyworldhot.com/global-warming/un-report-on-global-warming/#comments Thu, 12 Apr 2007 03:16:25 +0000 http://www.whyworldhot.com/2007/04/un-report-on-global-warming/ บรัสเซลส์ (AFP) – รายงานอากาศโลกเปลี่ยนแปลงฉบับแรกของยูเอ็นคลอดแล้ว เตือนหายนะโลกรุนแรงกว่าคาด สัตว์-พืช จำนวนมหาศาลจะสูญพันธุ์ คนยากจนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ทั้งๆที่เป็นคนทำ โลกร้อน น้อยที่สุด
ราเจนทรา ปาเชารี หัวหน้าคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วย “การเปลี่ยนแปลง ของ สภาพอากาศ แห่ง สหประชาชาติ (IPCC) ระบุว่า รายงานว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศฉบับแรกในรอบ 5 ปีของสหประชาชาติสำเร็จลงแล้ว ในที่สุด หลังจากที่ผู้แทนจากทั่วโลกกว่า 100 คน เปิดประชุมกันแบบมาราธอน 24 ชั่วโมง ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงจากหลายชาติ โดยเฉพาะ สหรัฐ ซาอุดิอาระเบีย และจีนที่ไม่เห็นด้วยกับรายงานดังกล่างที่จะใช้ข้อความที่มีความรุนแรงมากเกินไป

รายงานหนาถึง 1400 หน้าเตือนว่าจะ ไม่มีทวีปใดในโลก ที่รอดพ้นจากอันตรายจาก สภาวะอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงไป หาก อุณหภูมิโลก เพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 1-2 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยากจน จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทับจากภาวะดังกล่างอย่างสาหัสที่สุด โดย ผลกระทบ จาก ภาวะโลกร้อน จะทวีความรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์กันเอาไว้
“ดูเหมือนว่าทุกพื้นที่ในโลกจะต้องประสบกับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
หากอุณหภูมิโลกจะขยับตัวเพิ่มขึ้นราย 2-3 องศา” รายงานระบุ
รายงานดังกล่าวเดือนด้วยว่า จะมีประชากรโลกหลายพันล้านคนที่ตกอยู่ในสภาพขาดน้ำ และอีกหลายร้อยล้านคนตกอยู่ในสภาพหิวโหย โดยส่วนใหญ่จะเป็นประชากรในพื้นที่ๆมีความยากจนมากที่สุด โดยเฉพาะในแอฟริกา ทั้งๆที่เป็นกลุ่มที่ไร้เชื้อเพลิงฟอสซิล อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน น้อยที่สุด
นอกจากนั้น สภาวะอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงอันเป็นผลจาก ภาวะโลกร้อน นั้นยังจะทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง รูปแบบของฝน ลมพายุจะรุนแรงขึ้น ขณะที่ความแห้งแล้ง และสภาวะ น้ำท่วม จะอยู่ในภาวะวิกฤติหนักกว่าเดิม พร้อมกับการละลายการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระดับน้ำทะเล ยิ่งกว่านั้น ยังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของฤดูกาล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพืชและสัตว์อย่างรุนแรง โดยจะเกิดการตายของพืชและสัตว์เป็นจำนวนมหาศาล
“โดยคร่ายๆ แล้วราว 20-30 % ของพันธุ์พืชและสัตว์ จะพบกับความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในอีก 90 ปีข้างหน้า อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 1.1 – 6.4 องศา ขณะที่ในระหว่างปี 2523 – 2542 อุณหภูมิโลกสูงขึ้นระหว่าง 1.8 – 4.0 องศาเท่านั้น

]]>
https://www.whyworldhot.com/global-warming/un-report-on-global-warming/feed/ 1
ความจริง เกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อน https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/science-in-global-warming/ https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/science-in-global-warming/#comments Tue, 10 Apr 2007 09:43:30 +0000 http://www.whyworldhot.com/2007/04/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%b0%e0%b9%82/ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้โลกของเรามีอุนหภูมิอบอุ่น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แต่ปัจจุบัน การเผาผลาญเชื้อเพลงฟอสซิลต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมันเชื้อเพลิง และการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งการกระทำเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อันส่งผลกระทบต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติต่างๆเกิดบ่อยขึ้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ

  • จำนวนพายุ Hurricane Category 4 และ 5 เพิ่มขึ้นสองเท่า ในสามสิบปีที่ผ่านมา
  • เชื้อมาลาเรียได้แพร่กระจายไปในที่สูงขึ้น แม้แต่ใน Columbian, Andes ที่สูง 7000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
  • น้ำแข็ง ใน ธารน้ำแข็ง เขตกรีนแลนด์ ละลายเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
  • สัตว์ต่างๆ อย่างน้อย 279 สปีชี่ส์กำลังตอบสนองต่อ ภาวะโลกร้อน โดยพยายามย้ายถิ่นที่อยู่

หากเรายังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับรองได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้แน่

  • อัตรา ผู้เสียชีวิต จาก โลกร้อน จะพุ่งไปอยู่ที่ 300000 คนต่อปี ใน 25 ปีต่อจากนี้
  • ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 ฟุต
  • คลื่นความร้อน จะมาบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น
  • ภาวะฝนแล้ง และไฟป่าจะเกิดบ่อยขึ้น
  • มหาสมุทรอาร์กติกจะไม่เหลือน้ำแข็ง ภายในฤดูร้อน 2050
  • สิ่งมีชีวิตกว่าล้านสปีชี่ส์เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์

เราทุกคนสามารถช่วยโลกนี้ได้ ก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะมาถึง
การเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของคุณเพียงเล็กน้อย สามารถช่วย หยุด ภาวะโลกร้อน ได้

คุณสามารถช่วย แก้ ปัญหาภาวะโลกร้อน ได้ง่ายๆ ที่นี่ครับ

]]>
https://www.whyworldhot.com/what-is-global-warming/science-in-global-warming/feed/ 4
ธารน้ำแข็ง Tschierva ที่ Switzerland https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/tschierva-glacier-switzerland/ https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/tschierva-glacier-switzerland/#comments Wed, 04 Apr 2007 07:38:22 +0000 http://localhost/whyworldhot/?page_id=15 เป็นอีกภาพหนึ่ง ที่เปรียบเทียบภาพปัจจุบัน กับภาพใน Postcard เก่าๆ
ธารน้ำแข็ง Tschierva

]]>
https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/tschierva-glacier-switzerland/feed/ 10
การละลายของธารน้ำแข็ง Columbia ใน Alaska https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/columbia-alaska/ https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/columbia-alaska/#comments Wed, 04 Apr 2007 07:35:16 +0000 http://localhost/whyworldhot/?page_id=14 ภาพนี้แสดงการละลายของธารน้ำแข็ง Columbia ใน Alaska ครับ บอกเป็นปีๆเลยว่า ปีนี้เหลือน้ำแข็งอยู่ถึงตรงนี้
ธารน้ำแข็ง Columbia ใน Alaska

]]>
https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/columbia-alaska/feed/ 6
ธารน้ำแข็ง Rhone Glacier ใน Switzerland https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/rhone-glacier-switzerland/ https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/rhone-glacier-switzerland/#comments Wed, 04 Apr 2007 07:24:14 +0000 http://localhost/whyworldhot/?page_id=13 ธารน้ำแข็ง Rhone Glacier
ภาพในอดีตจาก postcard ครับ เปรียบเทียบกับภาพที่ถ่ายในปัจจุบันครับ
ธารน้ำแข็ง Rhone Glacier

]]>
https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/rhone-glacier-switzerland/feed/ 8
ธารน้ำแข็งในอาร์เจนตินา 20 ปีที่แล้ว https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-20-argentina/ https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-20-argentina/#comments Wed, 04 Apr 2007 07:16:48 +0000 http://localhost/whyworldhot/?page_id=12 ภาพธารน้ำแข็งใน Argentina เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน
เปรียบเทียบธารน้ำแข็งใน Argentina เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน

]]>
https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-20-argentina/feed/ 6
ธารน้ำแข็งในเปรู ละลายภายใน 15 ปี https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-peru/ https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-peru/#comments Wed, 04 Apr 2007 07:03:41 +0000 http://localhost/whyworldhot/?page_id=11 ภาพนี้เป็นธารน้ำแข็งในเปรูนะครับ ถ่ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
ธารน้ำแข็งในเปรู เมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ภาพปัจจุบัน ถ่ายจากมุมเดียวกัน (สังเกตภูเขาทางซ้ายและขวา)

ธารน้ำแข็งในเปรู ปัจจุบัน

]]>
https://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/glacier-peru/feed/ 7